Smile Express
กิจกรรมเพื่อสังคม

NEW TREND CSR

มาสร้างการจดจำ...ด้วย CSR รูปแบบใหม่
ที่เข้าถึงใจคนในชุมชนและสังคม Smile Express บริการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต ที่ทุกคนต้องการดูแลปากและฟัน
NEW TREND CSR

รถทันตกรรมเคลื่อนที่ SMILE EXPRESS อีกหนึ่งบริการด้านทันตกรรมที่ทาง คลีนิกทันตกรรมบางกอกสไมล์ ภูมิใจนำเสนอ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันมากขึ้น ด้วย Facilities ที่ครบครันทันสมัยในทุก Treatment บนรถเคลื่อนที่ ออกแบบครบทุกฟังก์ชั่นเสมือนการทำฟันที่คลีนิก ทั้งห้องทำหัตถการแบบแยกห้อง Private กว้างขวาง มีอุปกรณ์ครบครัน สะอาด ได้มาตรฐานความปลอดภัยเทียบเท่าการบริการที่คลีนิกทันตกรรม บนรถมีเครื่อง X-Ray 3 มิติรุ่นล่าสุด (CT Scan) นี้ได้รับการออกแบบเพื่อให้ทันตแพทย์ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวกับลักษณะทางกายวิภาคของคนไข้ เพื่อนำมามาวางแผนการรักษา ช่วยให้มีความแม่นยำ และเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาทันตกรรมได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงการอธิบายให้คนไข้เข้าใจเห็นภาพขั้นตอนการรักษาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย CT Scan เป็นเครื่องที่มีราคาสูง โดยทั่วไปมักจะมีเฉพาะในโรงพยาบาล/ศูนย์ทันตกรรมชั้นนำ หรือในมหาวิทยาลัยแพทย์ ในคลินิกทั่วไปนั้นมักไม่นิยมลงทุนติดตั้งไว้ในคลินิกแต่ประโยชน์ของเครื่องมือนี้มีมากมายนัก ปัจจุบันเรามีรถทันตกรรมเคลื่อนที่ให้บริการถึง 4 คัน รองรับการให้บริการได้ถึง 400 คนต่อวันเลยทีเดียว ซึ่งตอบโจทย์ในการให้บริการ CSR เพื่อสังคมเทรนด์ใหม่ที่กำลังนิยม และเป็นสวัสดิการแห่งรัฐ องค์กร ซึ่งหากองค์กรใดสนใจก็สามารถติดต่อรถทันตกรรมเคลื่อนที่ไปทำกิจกรรม CSR ได้

เพราะอะไร ? ควรเลือกทำ CSR กับ SMILE EXPRESS?

  1. มั่นใจ
    ให้คำปรึกษาและดูแลให้บริการครบทุกหัตถการ อาทิ ขูดหินปูน เคลือบฟลูออไรด์ในเด็ก อุดฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด ทำรากเทียม และจัดฟัน โดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  2. แม่นยำ
    การตรวจวิเคราะห์ช่องปาก เพื่อวางแผนการรักษาแม่นยำ ด้วยเครื่อง 3D X-Ray
  3. ปลอดภัย
    ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มาตรฐาน SHA และ GHA Covid-19
  4. สะอาด
    เรามีระบบฆ่าเชื้อทุกครั้งหลังการใช้บริการแต่ละคน
  5. ใส่ใจ
    เพื่อความสะดวกของผู้สูงอายุและผู้ที่ใช้รถเข็น ด้วยลิฟต์เคลื่อนย้าย ขึ้น-ลงรถ
  6. สะดวก
    ไม่ต้องเดินทางไปทำฟันที่คลีนิก โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีข้อจำกัดในการเดินทาง
  7. มาสร้างการจดจำ
    ด้วย CSR รูปแบบใหม่ ที่เข้าถึงใจคนในชุมชนและสังคม Smile Express บริการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต ที่ทุกคนต้องการดูแลปากและฟัน

CSR AT SCHOOL ทำไม ? หลาย ๆ องค์กร ถึงเลือกทำ CSR ให้เด็ก ๆ

เด็กชั้นปฐมวัย และชั้นประถมศึกษา เป็นช่วงวัยแห่งการเจริญเติบโตของร่างกายรวมถึงฟันและขากรรไกร จำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน เพราะหากมีฟันผุและปล่อยไว้จนลุกลาม ก็อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมาได้ ทั้งนี้บริการทันตกรรมด้านส่งเสริมป้องกันนี้ เป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้เด็กไทยมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี

มีการส่งเสริมและสนับสนุนโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล และขาดแคลนในการดูแลสุขภาพเด็กนักเรียน ตามเกณฑ์มาตรฐานที่กรมอนามัย บรรจุไว้ในระบบประกันคุณภาพภายในของโรงเรียน ทั้งนี้หากเด็กวัยเรียนมีปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น ฟันผุ ปวดฟัน เหงือกอักเสบ เป็นต้น ย่อมกระทบต่อคุณภาพชีวิตเชิงลบของเด็กอย่างมาก ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งกลูคอร์ติคอยด์ มีผลรบกวนการนอนหลับ เมื่อเด็กพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนเจริญเติบโตลดลง (growth hormone) มีผลให้ร่างกายเติบโตช้ากว่าปกติได้ นอกจากนี้หากประสิทธิภาพบดเคี้ยวลดลงจะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง ส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตจากการขาดสารอาหารได้ (อ้างอิงจากงานวิจัยของรองศาสตราจารย์ทันตแพทย์ชนินทร์ เตชะประเสริฐวิทยา เรื่อง โรคปริทันต์และกระบวนการรักษา) นอกจากนี้ยังทำให้เด็กขาดเรียน ไม่มีสมาธิ รวมถึงถ้าสูญเสียฟันเร็วกว่าปกติ มีผลต่อพัฒนาทักษะด้านการพูด การร่วมกิจกรรมในห้องเรียนและสังคมจะลดลง มีผลให้การเรียนตกต่ำ ความเชื่อมั่นในตนเองน้อยลง เกิดปัญหาด้านจิตใจและความวิตกกังวล ส่งผลต่อเนื่องในระยะยาวต่อการศึกษา และการพัฒนาทักษะความรู้ด้านต่าง ๆ (วิทยาสารทันตแพทย์ศาสตร์ 2553)

คลินิกทันตกรรมที่ให้บริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่มีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้กับเด็กไทย ช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการให้กับเด็กๆ ภายใต้ชุดสิทธิประโยชน์ทันตกรรมด้านส่งเสริมป้องกัน กองทุนบัตรทอง ทั้งการตรวจสุขภาพช่องปาก การเคลือบฟลูออไรด์และเคลือบหลุมร่องฟัน ให้บริการโดยทีมทันตแพทย์ ซึ่งรถทันตกรรมเคลื่อนที่นี้มีเครื่องมือทันตแพทย์ที่ครบวงจรและทันสมัย เป็นไปตามมาตรฐานบริการทันตกรรมและผ่านการรับรองโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข

CSR FOR ELDERY ผู้สูงอายุ อีกหนึ่งกลุ่มเปราะบางที่เหมาะจะทำเป็น CSR

ผู้ใหญ่ที่มีอายุประมาณ 55 ปีขึ้นไป มีฟันจริงในปากเพียงส่วนเดียวเท่านั้น และปัญหาต่าง ๆ เช่น ปัญหาสุขภาพเหงือก จะพบได้ทั่วไปในผู้สูงอายุ และเป็นสาเหตุของการสูญเสียฟัน นอกจากนี้ หากมีสุขภาพในช่องปากไม่ดีก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคต่าง ๆ ด้วย โรคหัวใจ เบาหวาน เป็นต้นผู้สูงอายุ จัดเป็นกลุ่มเปราะบางอีกกลุ่ม ที่อาจจะมีปัญหาในการเข้าถึงทันตกรรมที่ใกล้เคียงกับผู้พิการ ส่วนใหญ่มีข้อจำกัดในการไปทำฟัน หรือพบทันตแพทย์ ตรวจรักษาฟัน เพราะไม่สามารถที่จะพาตัวเองไปคลีนิกทันตกรรม

ปัญหาสุขภาพช่องปากในผู้สูงอายุ

ปัญหาสุขภาพเหงือก ปัญหาสุขภาพเหงือกเกิดจากเนื้อเยื่อที่อยู่รอบฟันติดเชื้อจากคราบจุลินทรีย์สะสมบนฟันและเหงือก ซึ่งอาจลุกลามจนรุนแรงได้ เหงือกอักเสบคือโรคเหงือกในระยะเริ่มต้น อาการที่พบคือ เหงือกบวม แดง หรือมีเลือดออก โรคเหงือกเป็นปัญหาที่ผู้สูงอายุกังวลและเกิดจากหลายสาเหตุ หากรักษาอย่างถูกต้อง และไปพบทันตแพทย์ โรคเหงือกอักเสบสามารถรักษาให้หายได้

ฟันผุหรือรากฟันผุ ผู้สูงอายุฟันผุหรือรากฟันผุหากมีปัญหาเหงือกร่น ดังนั้น ผู้สูงอายุจะต้องทำความสะอาดเหงือก ฟันเพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์และเศษอาหารออกไป ทันตแพทย์จะขูดฟันและผิวฟันใต้ร่องเหงือกและรากฟันเพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์และหินปูนออกเพื่อให้บริเวณดังกล่าวเรียบและสะอาด

เสียวฟัน ในบางครั้ง แค่ดื่มน้ำเย็นจัด คุณก็อาจจะรู้สึกเสียวฟันจี๊ด ๆ ขึ้นมาได้ ปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้คุณมีการเสียวฟัน ได้แก่ การแปรงฟันแรงเกินไปด้วยแปรงที่มีขนแปรงแข็ง เคลือบฟันสึก และฟันแตกหรือบิ่น

ปากแห้ง ภาวะปากแห้งเกิดจากน้ำลายในช่องปากน้อยเกินไป ซึ่งมักเกิดจากผลข้างเคียงของยารักษาโรคอื่น ๆ และพบได้บ่อย ๆ เมื่อคุณอายุมากขึ้น ปัญหาใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับภาวะปากแห้งคือ ฟันและรากฟันผุ ซึ่งปัญหาทั้งสองแบบสามารถก่อให้เกิดการสูญเสียฟันได้ในที่สุด

รถทันตกรรมเคลื่อนที่ SMILE EXPRESS จึงตอบโจทย์ในการให้บริการแก่ผู้สูงอายุที่ไม่สะดวกเข้ารับบริการทำฟันที่โรงพยาบาล คลินิก หรือศูนย์บริการสาธารณสุข ซึ่งรถทันตกรรมเคลื่อนที่ SMILE EXPRESS สามารถทำการรักษาทางด้านทันตกรรมได้ในทุกปัญหา ขูดหินปูน อุดฟัน และถอนฟัน ทั้งยังมีการออกแบบพิเศษติดตั้งลิฟท์ สำหรับยกรถวีลแชร์ เพื่อพาผู้สูงอายุขึ้นไปบนรถ ซึ่งช่วยให้สะดวกขึ้นมาก นั่นคือความใส่ใจพิเศษที่ทาง บางกอกสไมล์ ตระหนักและออกแบบให้เป็นฟังก์ชั่นที่ต้องมีบนรถทันตกรรมโดยเฉพาะ รวมถึงการคัดเลือกเก้าอี้ทำฟัน ที่ผู้สูงอายุลุกนั่งสะดวก มีทันตแพทย์เฉพาะทางครบทุกสาขาทุกวันเพื่อผู้สูงอายุจะได้ไม่ต้องลำบากในการเดินทาง ผู้สูงอายุสามารถปรึกษาการทำฟันบนรถทันตกรรมเคลื่อนที่ SMILE EXPRESS ได้ทุกกรณี ดังนั้นหากหน่วยงาน หรือองค์กรใด มองหากิจกรรม CSR ที่ทำแล้วเกิดผลดีทั้งผู้ให้ ผู้ทำ และผู้รับร่วมกันแล้ว การทำ CSR เพื่อสนับสนุนให้ผู้สูงอายุ ได้มีสุขภาพฟันที่ดี ทานอาหารได้ดังเดิม มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ยิ้มสวยและมีความสุข ให้รถทันตกรรมเคลื่อนที่ SMILE EXPRESS ของคลีนิกทันตกรรม บางกอกสไมล์ เป็นทางเลือกให้กับองค์กร

CSR FOR DISABLED PERSON ทำอย่างไรให้คนพิการ และผู้ป่วยติดเตียงเข้าถึงทันตกรรม

ผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียง จำนวนมากมักประสบปัญหาต่าง ๆ คนกลุ่มนี้มีความต้องการต่างจากคนกลุ่มอื่นอย่างไร หากคนกลุ่มนี้ปวดฟัน และทุกคนคงพอจินตนาการออกว่า ปวดฟันนั้นทรมานแค่ไหน ยิ่งหากปวดฟันแล้วเข้าไม่ถึงการรักษา ความทรมานก็คงยิ่งทวีคูณ คนกลุ่มนี้อยู่แต่บ้าน ไม่เคยเจอหมอฟัน

กลุ่มประเภทคนพิการ กับปัญหาสุขภาพในช่องปากและฟัน

คนพิการทางการเห็น ได้แก่ ตาบอด หรือ ตาเห็นเลือนราง : ปัญหาในช่องปากที่พบได้บ่อยคือ ฟันผุ เหงือกอักเสบ แผลในปาก เนื่องจากมีความบกพร่องทางการเห็น ทำให้มีความกังวลในเสียงที่เกิดขึ้นขณะรับการรักษาทางทันตกรรม จึงต้องการคำอธิบายในแต่ละขั้นตอนการรักษาฟันอย่างละเอียด

คนพิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย ได้แก่ หูหนวก หูตึง ความพิการทางการสื่อความหมาย : ปัญหาในช่องปากที่พบได้บ่อยคือ ฟันผุ เหงือกอักเสบ แผลในปาก เนื่องจาก ความบกพร่องทางการได้ยิน ทำให้มีความจำกัดในการสื่อสารกับทันตบุคลากร ในกรณีคนพิการทางการได้ยินที่เข้าใจภาษามือ ควรนัดล่ามภาษามือมาช่วยในการสื่อสาร แต่ในกรณีที่ไม่เข้าใจภาษามือ สามารถใช้ภาษาใจ ภาษากาย ภาษาภาพ ภาษาเขียน หรือสื่อสารผ่านผู้ดูแล เพื่ออธิบายขั้นตอนการรักษาฟันอย่างละเอียด

คนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย: ปัญหาในช่องปากที่พบได้บ่อยคือ ฟันผุ เหงือกอักเสบ แผลในปาก ความจำกัดในการดูแลสุขภาพช่องปาก พบว่าเนื่องจาก ความไม่สะดวกในการใช้มือ และบางคนมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทำให้การแปรงฟัน และการใช้ไหมขัดฟัน เป็นไปด้วยความยากลำบาก คนพิการที่นั่ง รถเข็น Wheelchair จะมีความกังวลในการรับการรักษาทางทันตกรรม และมีความรู้สึกไม่มั่นคงในการนั่งบนเก้าอี้ทันตกรรม ทั้งนี้คนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย มีความหลายหลายในระดับความพิการ ลักษณะความพิการ ทันตบุคลากรควรตระหนัก และให้เวลาในการส่งเสริมสุขภาพช่องปากคนพิการ ตามความจำกัดเฉพาะรายบุคคล

คนพิการทางจิตใจหรือพฤติกรรม : หมายถึงบุคคลที่มีข้อจำกัดในการปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวัน หรือการเข้าสังคม ซึ่งเป็นผลมาจากความบกพร่องหรือความผิดปกติทางจิตใจ หรือสมองในส่วนของการรับรู้ อารมณ์ หรือความคิด ปัญหาในช่องปากที่พบได้บ่อยคือ ฟันผุ เหงือกอักเสบ แผลในปาก ฟันสึก ปากแห้ง น้ำลายน้อย การดูแลสุขภาพช่องปาก ขึ้นอยู่กับการควบคุมความผิดปกติทางจิตใจ ด้วยการรับประทานยาควบคุมอาการทางจิต พบจิตแพทย์ตามนัด คนพิการทางจิตบางคนไม่รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ละเลยการดูแลสุขภาพช่องปากในชีวิตประจำวัน และ มีปัญหาเรื้อรังในช่องปาก

คนพิการทางสติปัญญา หมายถึงบุคคลที่มีพัฒนาการช้ากว่าปกติ หรือมีระดับเชาว์ปัญญาต่ำกว่าบุคคลทั่วไป โดยความปกตินั้นแสดงก่อนอายุ 18 ปี : คนพิการทางการเรียนรู้ หมายถึงบุคคลที่มีความบกพร่องทางสมอง ทำให้เกิดความบกพร่องในการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ หรือกระบวนการเรียนรู้พื้นฐานอื่น ในระดับความสามารถที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามช่วงอายุและระดับสติปัญญา
คนพิการทางออทิสติก หมายถึง บุคคลที่มีข้อจำกัดในการปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวัน หรือการเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม ซึ่งเป็นผลมาจากความบกพร่องทางพัฒนาการทางสังคม ภาษา และการสื่อความหมาย พฤติกรรมและอารมณ์ โดยมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของสมองและความผิดปกตินั้นแสดงก่อนอายุสองปีครึ่ง
ปัญหาในช่องปากของคนพิการทางสติปัญญา คนพิการทางการเรียนรู้ และคนพิการทางออทิสติก ที่พบได้บ่อยคือ ฟันผุ เหงือกอักเสบ แผลในปาก ฟันมีรูปร่างผิดปกติ ปากแห้ง น้ำลายน้อย
การดูแลสุขภาพช่องปากเด็กพิการทางสติปัญญา การเรียนรู้ และ ออทิสติก ผู้ปกครองควรได้รับการให้ความรู้ในการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก ตั้งแต่เด็กเป็นทารกแรกเกิด โดยนัดพบทันตบุคลากรเพื่อดูแลรักษาฟันเด็กอย่างต่อเนื่อง
คนพิการทางสติปัญญา การเรียนรู้ และ ออทิสติก มีความหลายหลายในระดับความพิการ ลักษณะความพิการ ทันตบุคลากรควรตระหนักและให้เวลาในการส่งเสริมสุขภาพช่องปากคนพิการ ตามความจำกัดเฉพาะรายบุคคล

ความต่างระหว่างคนพิการ คนทั่วไป หรือคนสูงอายุในการทำฟัน

ต่างทั้งเรื่องโรคประจำตัวที่มีผลต่อการใช้ยา ยาชา การปรับเก้าอี้เร็วช้า การสื่อสาร สำคัญสุดคือเรื่องการกลับไปดูแลตัวเองที่บ้าน เขากลับไปแปรงฟันอย่างไร นอกจากนี้ก็มีเรื่องการออกแบบคลีนิกให้เข้าถึงได้และข้อจำกัดต่างๆ ของพื้นที่ เช่น เก้าอี้ต้องมีที่วางแขน เบาะต้องไม่เตี้ยเกินไป วีลแชร์ต้องเข้าได้หรือความลาดเอียงของทางลาด มีลิฟท์ยกขึ้นลงรถทันตกรรมเคลื่อนที่ ได้สะดวก ซึ่งรถทันตกรรมเคลื่อนที่ SMILE EXPRESS ได้ออกแบบให้มีลิฟท์ เพื่ออำนวยความสะดวกนี้

มากไปกว่านั้นในมาตรฐานสากลคือพนักงานต้องฝึกภาษามือ (Visual hearing) แต่ของไทยไม่ถึงขนาดนั้น ยังดูแค่การเข้าถึงโดยวีลแชร์เป็นหลัก อย่างถึงเรามีทางเดินเข้าคลินิกให้คนที่พิการทางสายตา แต่เอาจริงๆถ้าคนไข้ที่มีความพิการทางสายตา ก็ยังมาที่คลีนิกไม่ได้อยู่ดีก็ยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ

หมอฟันของ บางกอกสไมล์ ทำงานกันอย่างไร

เราต้องนุ่มนวล บนรถทันตกรรมเคลื่อนที่ที่ต้องออกงาน CSR คลีนิกเราเจอคนไข้ในหลากหลายรูปแบบ กฎข้อหนึ่งเลยคือหมอต้องทำให้คนไข้ไม่รู้สึกถูกคุกคามเพราะคนไข้จะต่อต้าน และต้องมีการฝึกการใช้เสียง วิธีการพูดออกเสียงให้ดังแต่ไม่ดูตะคอก

นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่เรียกว่า Minimal intervention คือทำน้อย ทำเท่าที่จำเป็น ทำอะไรที่แก้กลับได้มากกว่าไปทำอะไรที่ย้อนกลับไม่ได้ เช่น แทนที่จะเปิดรักษารากทั้งหมดก็อาจทายาชะลอรอยผุไว้ก่อน เพราะหากทำเยอะขณะที่เขามีโรคประจำตัว ก็อาจทั้งแพงและใช้เวลาอ้าปากนาน เขากลับบ้านไปแปรงฟันไม่ได้ที่ทำไปก็ล้มเหลว การทำเยอะต้องมองบริบทเมื่อเขากลับบ้าน ระยะเวลาการทนอ้าปาก หลายคนแค่ต้องทนอ้าปากนานก็ไม่ได้แล้ว อย่างมากแค่ 20 นาทีหรือครึ่งชั่วโมง

ที่ผ่านมาแนวคิดเก่าไม่คำนึงถึงความพร้อมของคนไข้เท่าไหร่ อาจคิดแค่เรื่องเงินว่าแพงไปไหมสำหรับคนไข้หรือเรื่องโรคประจำตัว แต่ไม่คิดถึงสภาพแวดล้อมว่าคนไข้อยู่กับใคร ดูแลตัวเองได้ไหม จะมีอายุอีกสักเท่าไหร่ ตัดสินใจเรื่องต่างๆ เองได้หรือไม่ หากวันหนึ่งสมองเสื่อมแล้วอยู่คนเดียวใครจะตัดสินใจ และสิ่งต่างๆ ที่คิดนั้นใช่ความต้องการจริงของคนไข้หรือเปล่า หมอฟันต้องพิจารณาเรื่องเหล่านี้มากขึ้น แผนระดับประเทศชื่อแผนทันตสุขภาพผู้สุงอายุแห่งประเทศไทยบังคับให้คณะทันตแพทย์ทุกที่มีวิชานี้ ต้องพัฒนาอาจารย์ผู้สอนเพิ่มให้ทันตัวหลักสูตร สถานการณ์ตอนนี้คล้ายกับการมี พ.ร.บ.คนพิการ มีนโยบายที่ดี แต่การบังคับใช้นี่พอถึงช่วงปฏิบัติก็ต้องดูหน้างานอีกที

อะไรทำให้คนพิการไม่อยากไปหาหมอฟัน

ไม่ใช่แค่คนพิการ คนทั่วไปก็ด้วย การเข้าถึงการบริการทันตกรรมในประเทศไทยเฉลี่ยะทุกสิทธิมีเพียงร้อยละ 10 เรียกได้ว่าน้อยมากถ้าหากถามว่าใครหาหมอฟันอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งบ้าง เพราะในอะไรมีหลายปัจจัย แต่ของผู้พิการนี่ชีวิตแต่ละคนก็มีเรื่องอื่น เรื่องฟันอาจจะเป็นเรื่องหลังๆ จนกว่าจะปวดจริง เจ็บจริงถึงรู้สึกว่าต้องไปหาหมอ หรือฟันหัก เหงือกบวมมีเลือดออกก็เริ่มกังวล

อีกเหตุผลก็คือแพง บางคนไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ แต่ถึงรู้ว่ามีสิทธิก็เดินทางไปลำบาก เช่น มีชื่อที่โรงพยาบาลไกลบ้านแล้วไม่มีคนช่วยย้ายสิทธิให้ หรือว่าย้ายสิทธิแล้วก็ต้องไปเริ่มใหม่ ยิ่งถ้าใช้สิทธิประกันสังคมก็ยิ่งแย่เพราะได้ค่าทำฟันน้อยมาก

ในเชิงนโยบายควรเพิ่มอะไรที่ทำให้คนพิการเข้าถึงได้มากขึ้น

คนพิการมีสิทธิตามหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอยู่แล้ว แต่หลักปฏิบัติผู้ให้บริการยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มนี้เท่าไร อาจจะไปมองที่กลุ่มอื่นมากกว่า เพราะผู้พิการมักจะอยู่ที่บ้านการเดินทางออกมารับการรักษายังสถานพยาบาลยากลำบาก และไม่มีความสะดวกในหลาย ๆ ด้าน ทั้งเรื่องการเดินทาง ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล หากระบบประกันสุขภาพหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสนับสนุนค่าใช้จ่ายจำพวกอุปกรณ์ ยา และวัสดุทางการแพทย์ก็จะเป็นการให้การช่วยเหลือคนพิการได้มาก และต้องทำให้ทันตแพทย์มีความรู้ที่จะทำฟันให้คนพิการทุกประเภท และปรับคลีนิกของตัวเองให้เข้าถึงได้ ตอนนี้ไทยกำลังเร่งเรื่องปฐมภูมิ หรือ Primary care คือทำให้คนทำฟันใกล้บ้านได้ อย่างพอศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพ รับคนไข้ในเขตทั้งหมดไม่ได้ก็จดทะเบียนเป็นเครือข่ายร่วมให้บริการกับคลีนิกทันตกรรมเอกชนใกล้ๆ แล้วเบิกสปสช. โมเดลคนพิการในอนาคตก็อาจคล้ายกันคือให้คนพิการไปคลีนิกเอกชนและเบิกได้เราก็ต้องมีคนทำงานเยอะขึ้น ในลักษณะแบบ public-private partnership อย่างไรก็ดี ในบางเคสที่ยากจริงๆ ก็ส่งตัวเข้าไปทำฟันที่คลีนิก คนไข้ที่มีโรคประจำตัวเยอะเขาก็รู้สึกว่ามาคลีนิกปลอดภัยกว่า

สิ่งที่ต้องคือทำนโยบายที่เอื้อให้คนอยากเข้ามา ถ้าจะเบิกค่าทำฟันได้ต้องมาตรวจและเอ็กซเรย์ประจำปี การเจอหมอฟันอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งก็ทำให้ปัญหารักษาง่าย แต่ถ้าหายไป 5 ปี 10 ปี จะเจอปัญหาที่ซับซ้อน รักษายาก แพง รัฐก็เสียเงินเยอะ และยิ่งบ้านเรายังมีปัญหาปากท้อง จะให้มาทำฟันโดยไม่มีอะไรจูงใจก็ยาก ถ้าอยากให้คนเข้าใจเรื่องการดูแลฟันก็ต้องย้อนกลับไปดูปัญหาโครงสร้าง ถ้าลดความเลื่อมล้ำได้ คนไม่ต้องตะเกียกตะกายหาเช้ากินค่ำ คนก็จะหันกลับมาใส่ใจ สนใจดูแลตัวเอง สนใจเรื่องฟันและสุขภาพช่องปากก็จะดีขึ้นเอง เอาจริงๆก็ระบบบริการปฐมภูมินี่แหละที่จะทำให้ไม่มีใครถูกทิ้ง มีหมอประจำพื้นที่ ประจำตัว

รถทันตกรรมเคลื่อนที่ ช่วยคนไทยกลุ่มเปราะบางดูแลสุขภาพช่องปาก

ปัญหาสุขภาพช่องปากหากปล่อยไว้ไม่รักษาอาจส่งผลต่อร่างกายได้ เช่น การติดเชื้อในช่องปาก ทำให้เกิดอาการบวมเป็นหนอง หากโชคไม่ดีเชื้ออาจลุกลามไปที่หัวใจทำให้เกิดปัญหาได้
การเข้าถึงบริการทันตกรรมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพช่องปากที่ดี แต่ปัจจุบันอัตราการเข้าถึงบริการทันตกรรมของคนไทยยังต่ำกว่า 10% โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนที่ยากจนและด้อยโอกาส ในพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ที่ทันตแพทย์ไม่เพียงพอ ส่งผลให้การเข้าถึงบริการทันตกรรมเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก การสร้างความเสมอภาคด้านสุขภาพช่องปากจึงมีความสำคัญ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงและได้รับการดูแลด้านสุขภาพช่องปากอย่างเท่าเทียม

รถทันตกรรมเคลื่อนที่ SMILE EXPRESS เพิ่มการเข้าถึง

ให้บริการตรวจและรักษาผู้ที่มีปัญหาสุขภาพในช่องปากเบื้องต้น อาทิ อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน เคลือบฟลูออไรด์ เอ็กซเรย์ รวมไปถึงทันตกรรมที่ซับซ้อนอย่างผ่าฟันคุด นับเป็นการตอบโจทย์ทั้งการส่งเสริม ป้องกัน และรักษา ทั้งนี้ โรคในช่องปากส่วนใหญ่เป็นโรคที่ป้องกันได้ ดังนั้น การส่งเสริมป้องกันทันตสุขภาพให้ครบวงจรจึงเป็นสิ่งสำคัญ ปัญหาที่พบมากในคนไข้สำหรับการออกหน่วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ คือ โรคปริทันต์การอักเสบของเหงือก เนื่องจากคนไข้ส่วนใหญ่ที่มาเป็นผู้สูงอายุ อาจดูแลสุขภาพฟันไม่ดี ทำให้เกิดหินปูนเกาะหนาและฟันโยก หากไม่ได้ดูแลหรือแปรงฟันไม่ดี จะส่งผลให้เหงือกร่น และฟันผุได้

สิ่งสำคัญที่สุด คือ การทำความสะอาดฟัน อย่างน้อยขูดหินปูนปีละครั้ง ระหว่างขูดหินปูน แพทย์จะดูว่าตรงไหนจะต้องทำอะไรเพิ่ม และหลังอาหารเย็นต้องแปรงฟันให้สะอาดที่สุด เลี่ยงขนมกรุบกรอบ ของหวาน ทั้งนี้ ส่วนตัวซึ่งเกษียณมาแล้วมากกว่า 10 ปี และได้มีโอกาสทำงานลงชุมชนมาโดยตลอด รู้สึกยินดีมากที่ได้ร่วมโครงการในครั้งนี้ ได้มีส่วนช่วยประชาชนให้เข้าถึงการรักษา

สิทธิประโยชน์ทันตกรรม

สิทธิบัตรทอง

  1. การถอนฟัน
  2. การอุดฟัน
  3. ขูดหินปูน
  4. ฟันปลอมฐานพลาสติก ทั้งแบบซี่ถอดได้และแบบทั้งปากถอดได้
  5. รักษาโพรงประสาทฟันน้ำนม (รากฟันน้ำนม)
  6. ใส่เพดานเทียมในเด็กปากแหว่งเพดานโหว่
  7. ผ่าฟันคุด (ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์)
  8. เคลือบหลุมร่องฟัน (เด็กโตและวัยรุ่น อายุ 6-24 ปี)
  9. การทาฟลูออไรด์วาร์นิช (เด็กอายุ 9 เดือน- 5 ขวบ)
  10. การเคลือบฟลูออไรด์ (เด็กโตและวัยรุ่น อายุ 6-24 ปี)
  11. โรคปริทันต์อักเสบ (ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์)
  12. การผ่าตัดใส่รากฟันเทียมสำหรับผู้ที่ไม่มีฟันทั้งปาก
  13. จัดฟันในผู้มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ (ตามดุลยพินิจของทันตแพทย์)

สิทธิประกันสังคม ม.33 / ม.39

ถอนฟัน อุดฟัน ขุดหินปูน และผ่าฟันคุด ไม่เกิน 900 บาท/ปี ไม่ต้องสำรองจ่าย
ใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้บางส่วน จำนวน 1-5 ซี่ เบิกได้เท่าที่จ่ายจริง ในวงเงินไม่เกิน 1,300 บาท จำนวนมากกว่า 5 ซี่ เบิกได้เท่าที่จ่ายจริง ในวงเงินไม่เกิน1,500 บาท
กรณีใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้ทั้งปาก ฟันปลอมชนิดถอดได้ทั้งปากบนหรือล่าง เบิกได้เท่าที่จ่ายจริง ในวงเงินไม่เกิน 2,400 บาท (ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ใส่ฟันเทียม) ฟันปลอมชนิดถอดได้ทั้งปากบนและล่าง เบิกได้เท่าที่จ่ายจริง ในวงเงินไม่เกิน 4,400 บาท (ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ใส่ฟันเทียม) ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และ มาตรา 39 จะได้รับสิทธิเมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนวันรับบริการทางการแพทย์